ที่ตักไอศครีม 4cm ที่ตักไอติม ช้อนตักไอศครีม scoop ตักไอศครีม ช้อนตักไอติม ที่ตักผลไม้
ที่ตักไอศครีมสแตนเลส ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของ Scoop 4เซนติเมตร ใช้ตักไอศรีม ตักเนื้อผลไม้เนื้อนิ่ม อย่างเช่น แตงโม แคนตาลูป หรือใช้สำหรับการทำเบเกอรี เช่น ตักส่วนผสมคุกกี้ เพื่อให้ขนมมีขนาดปริมาณเท่ากัน และเพื่อความสวยงาม
วัสดุเป็นสแตนเลส สีเงิน น้ำหนักเบา ตัวด้ามจับถนัดมือ สปริงที่กดใช้งานได้สะดวก
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พาไปพบกับประวัติความเป็นมาของขนมหวานสัญชาติไทยแท้อย่างไอศกรีมกะทิ ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งในสมัยโบราณนั้นไอศกรีมกะทินับเป็นของหวานที่หารับประทานได้ยาก จึงเป็นของหวานที่สงวนไว้ให้เฉพาะเจ้าขุนมูลนายในรั้ววังได้รับประทานเพียงเท่านั้น
นอกจากเมนูไอศกรีมกะทิจะถูกคิดค้นโดยคนไทยแล้ว ในปัจจุบันไอศกรีมกะทิได้ถูกครีเอตให้มีความหลากหลายทั้งรสชาติ รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงภาชนะที่ใช้ใส่เสิร์ฟ แต่สิ่งที่ยังคงเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลง คือความเข้มข้นหอมมันของกะทิสดนั่นเอง
ทราบหรือไม่ว่าไอศกรีมกะทิที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากัน และนิยมรับประทานเพื่อดับร้อนนั้นมีประวัติยาวนานมาหลายชั่วอายุคน เพราะหลังจากที่น้ำแข็งเดินทางมาถึงดินแดนสยามเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4 จวบจนถึงเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีผู้ค้นพบบันทึกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งได้กล่าวถึงการทำไอศกรีมในหนังสือเรื่อง ‘ความทรงจำหลังจากเสด็จประพาสสิงคโปร์ พ.ศ. 2414’ ไว้ว่า
“ไอศกรีมเป็นของที่วิเศษในเวลานั้น เพราะเพิ่งได้เครื่องทำน้ำแข็งอย่างเล็กที่เขาทำกันตามบ้านเข้ามา ทำบางวันน้ำก็แข็งบางวันก็ไม่แข็ง มีไอศกรีมบ้างบางวันก็ไม่มี จึงเห็นเป็นของวิเศษ”
และด้วยความวิเศษนี้ ในสมัยโบราณไอศกรีมจึงกลายเป็นของเสวยของบรรดาเจ้าขุนมูลนายในรั้วในวังแต่เพียงเท่านั้น
ไอศกรีมที่นิยมรับประทานกันในยุคนั้นมีลักษณะเป็นเกล็ดแข็งจากมะพร้าวอ่อนและใส่เม็ดมะขามคั่ว จนไอศกรีมได้เริ่มแพร่หลายมากขึ้นหลังมีการตั้งโรงงานผลิตน้ำแข็งในเมืองไทย ช่วงแรกนั้นราคาของไอศกรีมยังมีราคาแพงเนื่องจากใช้วัตถุดิบหลักคือนมและครีมจากต่างประเทศ ชาวบ้านจึงได้นำกะทิสดซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำไอศกรีมแทน วัตถุดิบดังกล่าวทำให้ไอศกรีมในสมัยนั้นมีลักษณะเป็นน้ำแข็งละเอียด รสชาติไม่หวานมาก และมีกลิ่นหอมของดอกนมแมว ก่อนที่จะเริ่มมีวิวัฒนาการของไอศกรีมกะทิ โดยการใช้กะทิสดผสมกับน้ำตาลแล้วนำไปปั่นให้แข็ง เนื้อสัมผัสค่อนข้างเป็นเกล็ดน้ำแข็งละเอียด ตักใส่ถ้วยเป็นลูกๆ หรือที่เรียกติดปากกันว่าไอติมตัก แล้วเติมเครื่องเคราที่คนไทยชื่นชอบอย่าง ข้าวเหนียว ลูกชิด ขนุนฉีก ลอดช่อง เผือก เม็ดแมงลัก มันเชื่อม และโรยด้วยถั่วลิสงเพื่อเสริมความอร่อยเข้าไปอีกขั้น ไอศกรีมกะทิจึงนับว่าเป็นขนมหวานที่ถูกคิดค้นและสร้างสรรค์จากฝีมือคนไทยอย่างแท้จริง
จากเรื่องราวของไอศกรีมกะทิในยุคอดีตก้าวข้ามเวลามาสู่ปัจจุบัน ไอศกรีมกะทิยังคงเป็นของหวานที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง เพราะไอศกรีมกะทิได้ถูกสร้างสรรค์ให้มีความแตกต่างกันไปตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของไอศกรีมที่เราคุ้นเคย เช่น ตักโปะลงบนขนมปังก้อน ตักใส่กรวยกรอบ แบบที่ตกแต่งมาในกะลามะพร้าวหรือลูกมะพร้าวอ่อน หรือแบบแท่งที่ถือรับประทานกันแบบง่ายๆ ซึ่งร้านอาหารหลายๆ แห่ง ก็นำเอาไอศกรีมกะทิมาครีเอตเป็นเมนูของหวานที่อาจจะดูไม่คุ้นตา แต่รสชาติอร่อยคุ้นเคย อย่างที่ร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ได้เลือกเอาไอศกรีมกะทิมารังสรรค์เป็น 2 เมนูของหวานสำหรับช่วงเมษาฯ หน้าร้อนโดยเฉพาะ จากไอศรีมกะทิที่ใส่ถ้วยทานกันแบบธรรมดาทั่วๆ ไป ก็นำมาแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยท็อปปิ้งของหวานสไตล์ไทย อาทิ ลอดช่อง มันเชื่อม ทับทิบกรอบ และอื่นๆ มาเป็นเมนูกะทิเรนโบว์ ซันเด เสริมสตอรีความน่ากินด้วยโกลเด้นไซรัปที่ทำมาจากน้ำตาลมะพร้าวจากอัมพวา ราดเพิ่มรสชาติความหอมมันให้แก่ไอศกรีมกะทิดูมีมิติความน่ากินเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ที่เห็นจะครีเอตสุดๆ ก็คงเป็นการนำไอศกรีมกะทิมาผสมผสานหรือประยุกต์กับเมนูของหวานจากต่างประเทศอย่าง บิงซู ซึ่งบาร์บีคิวพลาซ่าได้ครีเอตขึ้นมาเป็นเมนูใหม่พิเศษ ในชื่อกะทิเรนโบว์ บิงซู ด้านนอกเป็นบิงซูรสชาติหวานหอมของกลิ่นกะทิอบควันเทียนสไตล์ไทย ด้านในเป็นไอศกรีมกะทิสัญชาติไทยแท้ๆ เสริมด้วยเครื่องรวมมิตรของหวานสีสันดึงดูดสายตา ที่สำคัญใส่ด้วยภาชนะขันเงิน เข้ากับแทรนด์การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในช่วงนี้
----------------------------------------------------------------------------------------------
ไอศกรีมกะทิ สูตรโบราณ
“ไอศกรีมกะทิ สูตรโบราณ” สูตรนี้จะเน้นที่ใช้วัตถุดิบน้อย ทำกินกันในครอบครัวง่ายๆ ไอติมสูตรนี้มี เนื้อสัมผัสที่เข้าข้น หวานมัน กลิ่นกะทิโชยมาแต่ไกล ต้องลองทำกันเลยจร้า
วัตถุดิบ
กะทิอร่อยดี 500 มล. น้ำตาลทราย 100 กรัม เกลือ 1/2 ช้อนชา แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ. กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา ถั่วลิสงคั่ว เครื่องเคียงตามชอบ >>> ถั่วแดงลูกเดือยลูกชิดข้าวโพด
วิธีทำ
1. นำแป้งข้าวโพดมาละลายผสมกับกะทิบางส่วน ใช้ตะกร้อตี หรือ เครื่องตีแป้ง ตีจนแป้งข้าวโพดละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
2. ตั้งหม้อใช้ไฟกลาง ใส่กะทิ เกลือ น้ำตาลทราย กลิ่นวนิลา เคียวด้วยไฟกลางจนส่วนผสมทั้งหมดเริ่มหนืดตัว
3.ปรับเป็นใช้ไฟอ่อน ใส่แป้งข้าวโพดที่ได้ละลายไว้แล้วในข้อ1คนจนส่วนผสมทั้งหมดเริ่มเดือดเล็กน้อย
ปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น
4.เทใส่กล่องหรือภาชนะอื่น ปิดฝา นำไปแช่เย็น ประมาณฟรีซ 3-4 ชั่วโมง
5.นำออกจากช่องฟรีซ และนำมาให้ ไอศกรีมกะทิ เนียนละเอียด นำออกมาใส่กล่องแช่ฟรีซไว้ 1 คืน
6.ตักเครื่องเคียงพร้อมเสิร์ฟคู่กับ ไอติมกะทิสด โรยด้วยถั่วลิสงคั่ว และนมข้นจืดคาร์เนชั่น
*** ขั้นตอนนี้ หากต้องการทำ ไอศกรีมกะทิ ไข่แข็ง ให้ใช้ไข่เป็ด 2 ฟอง และแยกเอาแต่ไข่แดง เทลงบนตัวไอศกรีม พร้อมคนให้ส่วนผสมเข้ากัน